วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Contemporary Work5


Postcard


Happy New Year 2011 สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔


ออกแบบโดยเน้นความโมเดิร์นแฝงความเป็นไทยเล็กๆค่ะ ต้องการให้มีความน่ารักและเรียบง่ายค่ะเลยใช้คู่สีที่ดูแล้วสบายตา และใช้รูปทรงง่ายๆอย่างรูปทรงสี่เหลี่ยมและรูปทรงวงกลมค่ะ แอนคิดว่าความเป็นวงกลมหลายๆวงหลายๆสีสามารถสื่อถึงอะไรได้หลายๆอย่างค่ะ อย่างในงานชิ้นนี้แอนคิดว่ามันสามารถจินตนาการถึงแสงสี, ลูกโป่ง, ลวดลายต่างๆของริบบิ้น ฯลฯ แทบทุกอย่างในงานถึงใช้วงกลมมามีส่วนร่วมค่ะ จะสังเกตได้ว่าภายในตัวอักษรบนพื้นหลังสีน้ำตาลข้มนั้นจะใช้วงกลมทั้งหมดค่ะ

แม้ว่าที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะกล่าวถึงความหมายของวงกลมไปในทิศทางของ 'ความสนุก' ก็ตามที แต่สิ่งที่ต้องการจะสื่อจริงๆคือความน่ารัก สบายๆ และความเรียบร้อยค่ะ ความสนุกต้องการให้เป็นส่วนเล็กๆ(แต่ต้องไม่เล็กมากนะคะ) เพราะว่าสิ่งที่ได้กล่าวมาคือคอนเสปหลักค่ะแอนคิดว่าปีใหม่เราทุกคนควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ จากไทยๆก็ก้าวเข้าสู่ความเป็นโมเดิร์นทีละนิด และในความคิดแอนความเป็นไทยจะต้องมีระเบียบและกฎเกณฑ์(ในที่นี่นำเอาเรื่องความเรียบร้อย และสีน้ำตาลเข้มเข้ามาสื่อสารค่ะเพราะสีน้ำตาลเข้มแอนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของความหัวโบราณ การยึดติดระเบียบแบบแผน และความรักธรรมชาติค่ะ) และอีกอย่างหนึ่งคือแอนคิดว่าคนไทยทุกคนมีความน่ารักในตัวมีความอ่อนโยน และโอนอ่อนด้วยค่ะ(ในที่นี้จึงได้นำคอนเสปเรื่องความน่ารักและได้เลือกคู่สีที่ทำให้ดูน่ารัก โอนอ่อน สบายๆ เข้ามาสื่อสารค่ะ)

ส่วนพื้นที่สีขาวนั้นต้องการออกแบบให้ดููสะอาดและสบายตาด้วยคู่สีที่ค่อนข้างพาสเทลค่ะ ลวดลายข้างหลังคำว่า HAPPY นั้นเป็นลวดลายไทยและได้ผ่านขั้นตอนการตัดทอนมาแล้วค่ะ เพื่อเพิ่มความโมเดิร์นเข้าไปในงานชิ้นนี้ให้มากขึ้นและแน่นอนว่าที่เน้นคำว่า HAPPY ด้วยสีน้ำตาลเข้มก็เพราะว่าต้องการจะสื่อว่า HAPPY แบบไทยๆและควรจะรักษากฎเกณฑ์ด้วยนะคะ ^v^~

Contemporary work 4


SHOW ME THAI

SHOW ME THAI by สันติ ลอรัชวี (Practical Studio)
Contemporary art exhibition.
On the 120th anniversary of Japan-Thailand
diplomatic relations at MOT, Tokyo, Japan


เป็นผลงานของ อ.สันติ ลอรัชวี ซึ่งภาพๆนี้เป็นภาพโปสเตอร์เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น จากภาพเราจะสามารถเห็นสีของธงชาติไทยเป็นอย่างแรก และเมื่อเราลองมองพิจารณาดูเราจะสามารถเห็นได้ว่ามันคือ form ของธงชาติญี่ปุ่นค่ะ และลวดลายข้างหลังคาดว่าน่าจะเป็นลายผ้าไทยค่ะ
เรื่องสีของธงชาติไทย แอนคิดว่าน่าจะมีการปรับให้เป็นสีพาสเทลนิดๆ เพราะประเทศญี่ปุ่นจะโดดเด่นในด้านศิิลปะการออกแบบต่างๆ รวมไปถึงทางด้านการ์ตูนด้วย และในการ์ตูนของญี่ปุ่นนั้น ส่วนมากมักจะเลือกใช้สีพาสเทลค่ะ ซึ่งสีเหล่านี้แอนคิดว่าแทบจะเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนญี่ปุ่นไปแล้วค่ะ


ฟอนท์ที่ได้เลือกใช้ แอนคิดว่าน่าจะเป็นโลโก้ไทป์ค่ะ เพราะถ้าหากสังเกตดีๆ ที่ตัว “h” จะมีความคล้ายกับ “ไ” ของไทย และ ตัวอักษรมีความโค้งมนและยังคล้ายว่าจะเป็นฟอนท์ภาษาอังกฤษที่มีหัวด้วยค่ะ

มีกิมมิคเล็กๆเป็นรูปรถตุ๊กๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยด้วยนะคะ เป็นภาพที่เชื่อความสัมพันธ์ของประเทศไทย และญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Contemporary work 3


BDF (Bangkok Design Festival)

BDF เป็น Event หลักของการประชุมด้านเศรษฐกิจ
และความคิดสร้างสรรค์ระดับนานาชาติช่วงปลายเดือน
พฤศจิกายน ซึ่งภายในงานนี้สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

Love & Friendship
เป็นการร่วมมือกันออกแบบระหว่าง Designer ชาวไทยและชาวต่างประเทศ

Next Station Bangkok
ตลาดนัดงานออกแบบ ที่มีทั้ง ผลิตภัณฑ์ โปสเตอร์ สิ่งพิมพ์ แฟชั่น และอื่นๆ

Exhibitions and Showcases
งานนี้เป็นงานโชว์ผลงานของนักศึกษา คล้ายกับการโชว์ Portfolio

My Opinion

ที่ได้ไปดูมาที่หอศิลป์ แอนชอบงานลายเส้นภาพประกอบที่เค้าได้นำมาทำเป็นลาย Wallpaper ที่ชั้น 2 ของหอศิลป์ค่ะ


วิเคราะห์ภาพ จากที่ได้ไปดูภาพนี้ที่หอศิลป์มาแอนชอบภาพนี้มากค่ะ เพราะว่า มีลายเส้นสวยงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญแอนคิดว่าภาพนี้เป็นภาพที่ตรงคอนเสปของงาน Love &Friendship มากๆเลยค่ะ

ภาพๆนี้เป็นภาพที่มีนกสองตัวคาบริบบิ้นมาเกี่ยวกันเป็นตัวอักษรคำว่า “All you need is love” ซึ่งแอนคิดว่าการที่ดีไซน์เนอร์ใช้รูปนกเข้ามามีบทบาทในภาพนี้เพราะว่าต้องการให้แสดงถึงเรื่องสันติภาพ หรืออาจคิดได้อีกอย่างนึงว่าต้องการให้นกแทนตัวตนของดีไซน์เนอร์เอง ซึ่งหากนำเอาความหมายสองความหมายนี้มารวมกันก็จะสามารถวิเคราะห์ภาพนี้ได้ว่าดีไซน์เนอร์สองคนนี้เป็นคนต่างสัญชาติกัน แต่ก็ยังร่วมมือกันสร้างผลงานชิ้นนี้ด้วยความปราณีต คำว่าร่วมมือในที่นี้ยังแสดงถึงเรื่อง มิตรภาพ และความเชื่อใจกันในการสร้างผลงานชิ้นนี้อีกด้วย ทั้งยังคงเอกลักษณ์ของตนเองไว้ในภาพ แอนคิดว่าที่ได้อธิบายไปนั่นคือการตอบโจทย์ที่ตรงกับคอนเสปLove & Friendship มากๆค่ะ

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Contemporary Work2


ทำไม ต้องมีนักออกแบบ ?


ทำไมต้องมีนักออกแบบ? เมื่อได้ยินคำถามนี้สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาในหัวก่อนก็คือ นักออกแบบคืออะไร? ก่อนที่เราจะคิดถึงหน้าที่ของอาชีพอาชีพหนึ่งทำไมต้องมีนักออกแบบ? เมื่อได้ยินคำถามนี้สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาในหัวก่อนก็คือ นักออกแบบคืออะไร? ก่อนที่เราจะคิดถึงหน้าที่ของอาชีพอาชีพหนึ่ง เราก็ควรที่จะรู้เสียก่อนว่าอาชีพอาชีพนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรและทำไมบนโลกใบนี้จึงจำเป็นต้องมีอาชีพนักออกแบบ ซึ่งพอลองย้อนคิดดู ก็ได้คำตอบออกมาค่อนข้างที่จะหลากหลายมากมายอยู่พอสมควร เพราะเป็นสิ่งที่ได้สะสมมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งซึ่งความคิดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อาจจะเรียกได้ว่าทัศนคติต่างๆ หรือประสบการณ์ต่างๆที่ได้เรียนรู้มาสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้ เราก็ควรที่จะรู้เสียก่อนว่าอาชีพอาชีพนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรและทำไมบนโลกใบนี้จึงจำเป็นต้องมีอาชีพนักออกแบบ ซึ่งพอลองย้อนคิดดูก็ได้คำตอบออกมาค่อนข้างที่จะหลากหลายมากมายอยู่พอสมควร เพราะเป็นสิ่งที่ได้สะสมมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งซึ่งความคิดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆอาจเรียกได้ว่าทัศนคติต่างๆ หรือประสบการณ์ต่างๆที่ได้เรียนรู้มาสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้

เมื่อตอนเริ่มแรก เราคิดว่านักออกแบบคือคนที่สามารถจินตนาการอะไรเก่งๆแล้วสามารถบรรยายออกมาเป็นรูปวาดหรือเทคนิกต่างๆตามที่ตนเองถนัดได้ก็สามารถเป็นนักออกแบบได้แล้ว แต่พอเรียนจบปี1ก็รู้ว่าเพื่อนบางคนวาดรูปไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่สามารถคิดหรือดูงานจากที่อื่นมาสร้างสรรค์งานที่สวยงามได้ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาก็คงจะเป็นการช่างสังเกตนั่นคือความคิดของเราตอนที่เรียนจบปี1

พอขึ้นปี2และเรียนจบปี2เทอม1 ก็ได้เรียนรู้ว่ารสนิยมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักออกแบบ แต่พอขึ้นปี2เทอม2ก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชา Typography อาจารย์ต้องการให้เราสามารถใช้ตัวอักษรสื่ออารมณ์ให้ได้ ซึ่งในตอนที่เรียนอยู่นั้น ตัวเรายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำเพื่ออะไร แต่พอเรียนจบปี2เทอม2 เราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่อาจารย์ต้องการจะสอนก็คือการสื่อสารด้วยVisual Language หรือก็คือภาพต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ที่มาเห็นโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องอ่านคำบรรยาย

พอขึ้นปี3เทอม1 ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดระบบทางความคิด การจัดระบบทางการสื่อสาร ทุกอย่างที่เราทำจะต้องมีความหมายจะต้องตรงตามคอนเสป จะต้องมีการบรีฟงาน และแบ่งเวลาการทำงานให้ได้ไม่ว่างานจะมากแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่ได้เรียนรู้ในปี3เทอม1นั้นสามารถตอบคำถามคำถามนี้ได้อย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะว่าปี3เทอม1เป็นเทอมที่หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาก็ได้ จึงรู้สึกว่าเราเริ่มจะเป็นนักออกแบบและเข้าใจในสายอาชีพนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน


เมื่อลองนำประสบการณ์ทั้งหมดมาสรุป เพื่อตอบคำถามว่า “นักออกแบบคืออะไร?” และ “ทำไมต้องมีนักออกแบบ?” ก็สามารถหาคำจำกัดความได้ดังนี้

- นักออกแบบคือ ผู้คิดอย่างมีระบบ
- นักออกแบบคือ ผู้สร้างสรรค์อย่างมีเหตุผล
- นักออกแบบคือ ผู้คิดริเริ่มหรือผู้ที่สามารถต่อยอด
ความคิดของผลงานในอดีตได้อย่างมีระบบ
- นักออกแบบคือ ผู้ที่วางแผนก่อนการสร้างสรรค์งานเพื่อให้เกิดระบบที่ถูกต้องตามคอนเสปที่วางไว้ มิใช่การออกแบบสร้างสรรค์ด้วย อารมณ์ศิลป์เพียงอย่างเดียว

เพราะฉะนั้นสามารถสรุปได้ว่า นักออกแบบที่ดีคือผู้ที่สามารถคิดอย่างมีระบบ สร้างสรรค์อย่างมีเหตุผลมีการวางแผนงานและมีการดูแลระบบความคิดการทำงานที่ดี ผลงานที่ออกมาจะต้องมีการสื่อสารให้ตรงตามคอนเสปที่วางไว้ การนำไปใช้ตามสื่อต่างๆบางครั้งก็อาจต้องมีการวางระบบเพื่อการนำไปใช้ด้วย เช่น งานCorporate Identity, Logo, หรือการออกแบบต่างๆ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันกับการวางระบบที่ดีคือรสนิยมของนักออกแบบแต่ละคน

และคำถามที่ว่า “ทำไมต้องมีนักออกแบบ?” ก็เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้เกิดระบบที่ดีขึ้น นักออกแบบอาจเป็นได้ทั้งผู้ที่คิด, ผู้ที่ริเริ่ม, ผู้จัดระบบทางความคิด, ผู้ต่อยอดทางความคิด, ผู้ที่ต้องการสื่อสารโดยผ่านสื่อที่สร้างสรรค์ หรือคำจำกัดความอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งอาชีพนี้มีความสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น ไม่ว่าคุณ จะเดินไปที่ไหน ก็จะเจอแต่ผลงานของนักออกแบบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า, ตามร้านอาหารต่างๆ, ผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือแม้แต่เวลาขับรถไปตามทาง ป้ายต่างๆก็คือผลงานที่ผ่านการจัดระบบต่างๆมาแล้วจากอาชีพนักออกแบบ ถ้าหากขาดอาชีพนี้ไปในสักวัน หากเราเจอป้ายบอกทาง ก็อาจมีการบอกทางผิดหรืออ่านไม่ออก, ถ้าหากเราไปซื้อของตามห้างเราอาจจะไม่เจอแบรนด์ที่เราต้องการ ระบบแบรนด์ดิ้งคงจะปะปนกันมั่ว หรือบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามที่เราเคยเห็นอาจจะกลายเป็นได้แค่ถุงพลาสติกห่อผลิตภัณฑ์ นี่แหละคือความสำคัญของนักออกแบบซึ่งในความคิดของเรา อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ไม่สามารถขาดได้เลย

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Packaging Design Project1

Re-Product(Aki-ko [Gummy Banana Flavour])


โจทย์ที่ได้รับคือการ Re-product ของผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ขนม ยา ฯลฯ แต่การที่จะRe-productผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องมีการเน้นคอนเสปของแบรนด์ที่เราเลือกมาทำด้วย และยังต้องประยุกต์คอนเสปของแบรนด์นั้นๆให้มีความเข้ากันกับงานที่เราดีไซน์อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่แอนเลือกมาคือเยลลี่รสกล้วยหอมของAki-ko สิ่งที่อาจารย์ต้องการจะเน้นคือธีม คอนเสปของงานและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแอนได้เน้นไปที่ลิงและกล้วยหอมแต่ก็ยังไม่ลืมความเป็นญี่ปุ่นของแบรนด์Aki-ko


กลุ่มเป้าหมาย
-กลุ่มเป้าหมายหลัก เพศหญิง (นักเรียนม.ต้น-ม.ปลาย)
-กลุ่มเป้าหมายรอง บุคคลทั่วไปที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยว
หรือขนมหวาน

เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กมัธยมต้น-ปลาย แอนจึงดึงความน่ารักของ
ตัวการ์ตูนลิงมาสร้างเป้นมาสคอตประจำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกล้วยหอม แต่ในแพกเกจทุกชนิดที่ได้ทำก็ไม่ได้ลืมมาสคอตAki-ko

ธีมสี
-
ได้เลือกสีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลส้ม และเหลือกล้วยมาเป็นสีหลักในการทำงาน สีน้ำตาลส้มนำมาเล่นกับลิง สีเหลืองเป็นสีของกล้วยหอม ส่วนสีน้ำตาลเข้มเป็นสีหลักของผลิตภัณฑ์ที่ทำ ที่เลือกสีน้ำตาลเข้มมาเป็นแกนหลักเพราะว่า ต้องการให้งานออกมาดูเป็นแนวญี่ปุ่นด้วยการใช้สีและการเล่นกับพื้นที่สีขาวด้วยไม่ใช่แค่การใช้ตัวมาสคอต



กล่องบรรจุภัณฑ์แบบ10ชิ้น


ห่อบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก บรรจุ3ชิ้น


กล่องบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ บรรจุซองขนาดเล็ก20ห่อ



ภาพรวมของงาน




ในการทำงานค่อนข้างที่จะมีปัญหามากเลยทีเดียวค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่จัดระบบไม่ค่อยเป็นไม่ว่าจะด้วยทางความคิดหรือการทำงาน ในตอนแรกๆของการทำงานไม่เกิดปัญหาอะไรมากมายเท่าไหร่เพราะอาจารย์สั่งให้รีเสิจหาReferanceของงานก็ทำได้ในระดับดี แต่พอมาถึงตอนที่ต้องสเกตงานปัญหาก็เริ่มมาค่ะเพราะเป็นคนออกแบบคาแรคเตอร์ไม่ค่อยเป็น เลือกสีไม่ค่อยสวย และยังจัดองค์ประกอบไม่ดีอีกด้วย ^^" เลยเริ่มเกิดปัญหาในการทำงานค่ะ
ปัญหาทางด้านดีไซน์ยังไม่จบ ก็เกิดปัญหาทางด้านธีมและการเล่าเรื่องของงาน โดนอาจารย์สั่งแก้งานทุกอาทิตย์เลยค่ะ ท้อมากๆค่ะ ^^" แต่สุดท้ายก็ทำงานออกมาสำเร็จจนได้ ถึงจะยังรู้สึกตะหงิดว่ามันยังไม่ลงตัว มาสคอต และงานยังไม่สามารถเล่าเรื่องได้ก็ตามที แต่โดยรวมก็พอใจค่ะ เพราะคิดว่าเป็นการฝึกการสร้างงานแพกเกจงานแรกๆ เวลาทำงานจริงๆแทบไม่มีเลย ถือเป็นประสบการณ์ในการทำงานที่ดีและสนุกมากเลยค่ะ ^v^~

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Com D (Final project-silk screen) 5R



งานชิ้นนี้เป็นโปรเจคสุดท้ายของวิชา Computer Design2






หัวข้อของงานโปรเจคนี้คือ การรณรงค์ ซึ่งอาจารย์ติ๊กและอาจารย์โอเล่ได้ให้พวกเราคิดหัวข้อการรณรงค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัวหรือเรื่องที่กำลังฮิตกันอยู่ อย่างเช่น การรณรงค์ให้ช่วยกันดูแลคนชราภายในบ้าน, การรณรงค์ลดโลกร้อน, การรณรงค์ให้เลิกทารุณสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งงานนี้ แอนได้ทำเกี่ยวกับการรณรงค์ให้คนช่วยกันใช้วิธี5Rเพื่อลดโลกร้อน



ซึ่งก่อนที่จะหันมาทำเรื่องนี้แอนได้คิดเกี่ยวกับการรณรงค์เกี่ยวกับการประหยัดอย่างถูกวิธีเพื่อให้ธรรมชาติกลับมาช่วยโลก และเมื่อนำงานและภาพรูปภาพสัญญะไปให้อาจารย์ติ๊กดูและบอกหัวข้อการรณรงค์ไป อาจารย์ติ๊กก็ได้ตอบกลับมาว่าหัวข้อยาวเกินไป รูปภาพบอกได้ไม่หมด จึงต้องเปลี่ยนเรื่องมาเป็น5R






5R ได้แก่
-REUSE
-REDUCE
-RECYCLE
-REPAIR
-REJECT

การรณรงค์เรื่องหลัก5Rนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการกับขยะมูลฝอยด้วยการ RE ทั้ง 5 หากเรารสามารถใช้หลักการ 5R ได้ก็จะสามารถนำขยะกลับมาเป็นเงิน หรือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆได้พอสมควร และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วย


นี่คือภาพผลงานที่ได้ลองสเกตในโปรแกรม Illustrator




และนี่คือผลงานที่ได้สกรีนลงเสื้อ สีที่ผสม ตั้งใจจะผสมให้สีเขียวเป็นสีรักษ์โลก และต้องการให้สีสกรีนเสื้อมีความลอยเพื่อให้ดูแล้วสบายตา สีฟ้าที่ได้ใช้ใส่ในลูกศร ก็เพื่อแสดงถึงการนำกลับมาใช้อย่างสะอาด และรูปต้นไม้และกิ่งไม้ตรงกลางภาพนั้น คือคำว่า 5R ซึ่งจะเห็นได้ว่าเลข 5 จะโอบอุ้มและงอกงามอยู่รอบๆตัวR ภาพนี้แอนต้องการจะสื่อว่า หากเดินทางในหลัก5R เราจะได้ลดปริมาณขยะอย่างมากมาย และได้เปลี่ยนขยะกลับมาเป็นบรรจุภัณฑ์ หลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดมลพิษ ฯลฯ โลกของเราจะต้องสวยงามขึ้นอย่างแน่นอน



วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Work 8 Final Project "Comic"

งานในครั้งนี้เป็นงานชิ้นสุดท้ายของเทอม ซึ่งอาจารย์ป๊อบและอาจารย์ต้องการให้เวลาในการทำ 5 สัปดาห์ งานในครั้งนี้แอนได้เลือกสร้างงาน Comic ซึ่งใน2สัปดาห์แรก แอนได้ไปคุยเรื่อง แนวการ์ตูนที่จะวาด การออกแบบตัวละคร และการตกลงงานสัปดาห์ต่อไป



เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 3 แอนก็นัดกับอาจารย์ต้องว่าจะวาดภาพตัวละครพร้อมลงโทนตัวละคร และสตอร์รี่บอร์ดทั้งหมดมาให้อาจารย์ดู


และเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 4 แอนก็นัดกับอาจารย์ต้องการว่า จะลงเส้นด้วยหมึกดำทั้งหมด + การลงสีหน้าปกแต่การทำงานในสัปดาห์นี้แอนมีปัญหาอยู่หลายอย่าง เลยทำให้งานออกมาไม่ครบตามที่ได้ตกลงกับอาจารย์ไว้ ปัญหาก็คือ คอมเสียต้องเอาไปซ่อมไม่มีเวลาลงสีในคอมให้อาจารย์ดู ป่วย ต้องไปหาหมอเสียเวลาทำงานมากขึ้น ฝึกใช้ปากกา G Pen ใช้ค่อนข้างยากจึงต้องใช้เวลาฝึกนานพอสมควร



เนื่องจากการทำงานในสัปดาห์ที่ 4 มีปัญหาค่อนข้างมาก งานจึงมาถมกันอยู่ในสัปดาห์ที่ 5 ที่ได้คุยกับอาจารย์ต้องการว่าจะให้แก้ในหลายๆจุด ก็ไม่มีเวลาแก้ เพราะทุกอย่างได้มารวมกันอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายทุกวิชา จึงแบ่งเวลาในการทำงานค่อนข้างยาก และทำให้แก้งานไม่ทันด้วย ผลงานจึงออกมาในแบบที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็พึงพอใจในระดับหนึ่งเพราะตั้งใจทำงานชิ้นนี้มาก

Work 7 Map



งานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แอนไม่ถนัดเลย ซึ่งแอนยอมรับว่าในขณะที่แอนทำงานชิ้นนี้อยุ่แอนก็ยังตีโจทย์ไม่แตก จึงได้ผสมผสานเทคนิคต่างๆจนแทบจะไม่มีสไตล์งานของตัวเอง





งานชิ้นนี้มีคอนเสปว่า แผนที่เมื่อตอนเด็ก เริ่มจากการตัดกระดาษขนาดเกือบA2 แล้วร่างภาพถนนเป้นทางยาว ต่อมาจึงได้ใช้สไตล์ตัวเองผสมลงไปโดยการใช้ช่องความคิดที่ใช้กันบ่อยในคอมมิคใส่ลงไปแต่แทนที่แอนจะใส่ข้อความแอนจะใส่ภาพแทน เพื่อให้ง่ายต่อการดูของเด็ก และแอนได้ทำการใช้เส้นประแบ่งเขตจังหวัดและเขตอำเภอ ซึ่งวิธีนี้ตอนเด็กๆแอนเคยใช้ในการวาดแผนที่จริงๆ









สิ่งที่จะทำต่อมาเพื่อสื่อถึงความเก่าแอนได้นำกระดาษที่วาดรูปไปเผาขอบก่อน แล้วจึงนำกระดาษสีน้ำตาลมาขยำเล็กน้อยแล้วเผาขอบอีกที แล้วนำมาแปะเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็ม้วนแล้วมัดด้วยเชือกสีน้ำตาลเก่าเป็นคล้ายคัมภีร์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นอะไรที่สมัยเด็กๆชอบทำกัน

work 6 Re-package


งานชิ้นนี้เป็นงานรี-แพคเกจ อาจารย์ป๊อบและอาจารย์ต้องให้เรานำแพคเกจกล่องอะไรก็ได้มาเป็นตัวอย่างการพับ และให้วาดภาพประกอบตามสไตล์ตัวเองลงไป
ซึ่งงานชิ้นนี้ แอนได้ใช้แค่ปากกาดำ4ขนาดเท่านั้น คือปากกาเมจิก ปากกาเขียนCDหัวเล็ก ปากกาหัวม้า และปากกาปิ๊กม่า เพื่อการทำงานที่ง่ายและเร็วขึ้น งานๆนี้เป็นงานตามสไตล์ของตัวแอนเอง เพราะส่วนมากแอนชอบใช้สีขาว-ดำ หรืองานที่ไม่ค่อยใฃ้สี เพราะแอนใช้สีไม่เก่ง และสิ่งที่สื่อว่าเป็นงานของแอนอีกอย่างก็คือลายเส้นและลวดลาย แอนจะชอบใช้ลวดลายแบบนั้นในงานต่างๆ เพื่อเพิ่มเติมงานให้เต็ม
งานๆนี้เป็นงานเกี่ยวกับวันอีสเตอร์ ซึ่งแอนใช้ไข่ กระต่าย และลวดลายต่างๆเพื่อสื่อถึงความสุขสันต์ของเทศกาลอีสเตอร์ และกระต่ายที่ออกจากไข่นั้นก็สื่อถึงการเกิดใหม่ซึ่งเป็นความหมายของวันอีสเตอร์อยู่แล้ว

work 5 การ์ตูนล้อ




งานๆนี้อาจารย์ต้องการให้วาดการ์ตูนล้อเพื่อน โดยการให้จับคู่กับเพื่อนคนนึงแล้ววาดรูปคนๆนั้น แบ่งเป็น4ขั้นตอน


ขั้นตอนที่1 ให้ดอร์อิ้งเพื่อนให้มีความเหมือนจริงมากที่สุด แต่ภาพที่แอนวาดไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่เพราะปกติใช้เวลานานในการวาดดอร์อิ้ง อาจารย์ให้เวลาไม่ถึง10นาทีต่อ1ภาพจึงทำไม่ทัน




ขั้นตอนที่ 2 ทำเหมือนขั้นตอนที่ 1 แต่ให้ตัดทอนลายเส้นให้น้อยลง ภาพๆนี้ แอนคิดว่าต้องลดทอนอีก2ขั้นตอนเลยไม่กล้าลดทอนเส้นมาก เลยทำให้ยังเหลือความเหมือนจริงอยู่มาก



ขั้นตอนที่ 3 อาจารย์ให้เรานำลักษณะนิสัยของคู่ของเราเข้าไปใส่ในตัวละครที่ตัดทอนแล้ว แอนเลยเอานิสัยชอบหัวเราะจนน้ำตา น้ำมูก น้ำลายไหล ของแบมไปใส่ (^^")



ขั้นตอนที่ 4 อาจารย์ให้นำลักษณะท่าทางของเพื่อนที่เราจับคู่ด้วย ไปผสมผสานกับสัตว์อะไรก็ได้ 1 ชนิด และลงสีให้เสร็จภายใน1อาทิตย์ แอนเลือกให้แบมเป็นลิง เพราะแบมเป็นคนร่าเริง และ กวน(...) แล้วชอบแกล้งคนอื่นแล้วหัวเราะเสียงดังๆ แถมพอหัวเราะแล้วน้ำตา น้ำลาย น้ำมูกจะกระเด็นเลอะเพื่อน

work4 pocket book





งานในครั้งนี้อาจารย์ให้ออกแบบภาพประกอบของ Pocket bookซึ่งให้เราสามารถเลือกเรื่องไหนก็ได้ แอนได้เลือกเรื่องเจ้าชายน้อย หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งเครื่องบินตกที่ทะเลทราย เขาได้หาวิธีซ่อมเครื่องบิน สิ่งที่เขาเป้นห่วงก็คือเรื่องอาหารและน้ำที่เหลืออยู่ร่อยหรอ แต่ที่เขากังวลมากที่สุดก็คือเขาไม่มีเพื่อน อยู่มาวันหนึ่งเขาก็เจอเด็กผมสีทองคนหนึ่งมานั่งพูดคุยกับเขาในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องแปลกๆที่ว่าเด็กคนนั้นบอกว่าตนเองเป็นเจ้าชายมาจากดาวดวงเล็กๆดวงอื่น จากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เจ้าชายน้อยมีดาวเล็กๆเป็นนของตัวเอง และมีดอกไม้เป็นเพื่อนอย่ด้วย ดาวของเจ้าชายน้อยนั้นดวงเล็กมาก มากเสียจนไม่สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ไก้ เพราะหากปลูกไว้สัก2-3ต้นเจ้าชายน้อยจะไม่สามารถอยู่บนดาวนั้นได้เลย เจ้าชายน้อยจึงต้องหาวิธีกำจัดต้นไม้นั่นตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน

แอนจึงได้ออกแบบภาพออกมาเป็นเหมือนดวงดาวที่มีเพียงเจ้าชายกับดอกไม้บนดวงดาวที่ว่างเปล่า ใช้แบล๊คกาวน์ที่สีไม่มืดมากเพราะต้องการจะสื่อว่าเจ้าชายน้อยสามารถเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวและสามารถเดินทางไปยังดาวต่างๆได้ และที่สำคัญเป็นงานที่ต้องขายเด็ก ส่วนด้านหลังปก ในเรื่องเริ่มต้นด้วยเจ้าชายน้อยขอให้ผู้ชายที่เป็นตัวละครหลักวาดรูปแกะให้ จึงเอามาเป็นภาพที่ปกหลัง


Work3 Cover of Magazine


งานที่ 3 คือการฝึกให้เราใช้ภาพสไตล์ของตัวเราเองมาผสมผสานกับบทความของนิตยสาร ซึ่งแอนได้เลือกคอลัมเกี่ยวกับการอนุรักษ์โลก ภาพๆนี้แอนต้องการจะสื่อถึงว่า หากเราแค่เปิดหน้าต่างมองดูสิ่งอื่นนอกจากกำแพงของห้องแคบๆ ให้ไออุ่นของแดด และสายลมอ่อนๆของธรรมชาติมากระทบใบหน้า เราจะได้รู้ว่ามีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่เรายังไม่เคยสัมผัส หรือสั้นๆก็คือ เปิดประตูสู่โลกกว้างนั่นเอง

HomeWork 1

นี่คือผลงานที่ออกมาจากการคักลอกผลงานของอาจารย์ เคน อาคามัตสึ จะเห็นได้ว่าแอนยังทำได้ไม่ดีนัก เพราะจู่ๆจะให้วาดภาพได้เหมือนภาพของคนอื่นมันเป็นเรื่องยากพอสมควร ผลงานชิ้นนี้เป็นบทเรียนที่ดีว่าการ์ตูนคอมมิคแต่ละหน้ามีความยากในตัวของมัน หากจะไปในทางนี้ต้องฝึกฝนอีกมาก
ภาพๆนี้แอนได้ลงร่างด้วยดินสอก่อน ต่อมาจึงเริ่มใช้ดินสอลงน้ำหนักเงาต่างๆ บางอันเป็นสีเข้มต้องใช้การกากบาทเบาๆ เพื่อที่จะได้ใช้ยากลบๆออกง่ายๆ ต่อมาจึงเริ่มใช้ปากกาปิ๊กม่าลงเส้นให้มีความหนาบางพอๆกับงานของอาจารย์ เคน สุดท้ายนี้ เนื่องจากแอนยังไม่สามารถหาซื้อสกรีนโทนได้ ด้วยเหตุผลว่าต้องเดินทางไกล ราคาแพง หายาก จึงได้ใช้วิธีลงโทนในคอมพิวเตอร์แทนการแปะสกรีนโทน ทำให้งานๆนี้ไม่สื่ออารมณ์เท่าที่ควร

Work 1 My Idol

การเรียนวิชานี้ เป็นเหมือนการค้นหาสไตล์งานของตัวเอง ซึ่งทางอาจารย์ป๊อบและทางอาจารย์ต้องการให้เราไปค้นหาบุคคลที่เขียนภาพประกอบต่างๆเก่งโดนใจหรือคล้ายกับงานของสไตล์ของตัวเราเอง
ในที่สุดแอนก็เลือกอาจารย์ เคน อาคามัตสึ เพราะอาจารย์เคนเป็นคนวาดภาพการ์ตูนคอมมิคได้มีลายเส้นที่สวยงาม ฉากหลังก็มีความละเอียดมาก ลักษณะใบหน้า ท่าทางตัวละคร บ่งบอกการต่างๆได้อย่างชัดเจน เวลาอ่านการ์ตูนของเค้าแล้วไม่ติดขัด อาจารย์เคน อาคามัตสึจึงได้มาเป็น My Idol ของแอน