หนังเรื่องนี้เป็นหนังยาว(แอนคิดว่าน่าจะเป็นเชิงสารคดี)
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ ฮุสต์วิต ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้สร้าง
หนังเรื่อง Helvetica หนังยาวทั้งสองเรื่องนี้เป็นหนังที่เกี่ยว
กับนักออกแบบ ในหนังเรื่อง Helvetica นั้น จะเป็นเรื่องที่
เกี่ยวกับนักออกแบบตัวอักษร แต่ในเรื่อง Objectified นั้น
จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนักออกแบบผลิตภัณฑ์เสียส่วนใหญ่
นักออกแบบผลิตภัณฑ์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผู้ที่ออกแบบ
แค่รูปลักษณ์ภายนอกของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่รวมไปถึงการ
ที่นักออกแบบคนนั้นมีความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆอย่างไร
ต้องการแก้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะสะดวกในการใช้สอยมาก
ที่สุด และทำอย่างไรจึงจะมีความสวยงามดึงดูดผู้คนให้สนใจ
เนื้อเรื่องในหนังเรื่องนี้มีการยกตัวอย่างที่ปอกเปลือกผลไม้
ดีไซน์เนอร์มีการคิดถึงวิธีการจับ ยางที่ใช้จับ จับอย่างไรจึง
จะสะดวกต่อการใช้สอยมากที่สุด มีการนำตัวอย่างงานมาเป็น
ร้อยอันเพื่อทดสอบว่าอันไหนจับแล้วสะดวกที่สุด แล้วก็นำไป
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สุดท้ายจึงออกแบบเพื่อความ
สวยงามและทดสอบว่าใช้ได้จริงหรือไม่
หนังเรื่องนี้มีการใช้เทคนิคการสัมภาษณ์นักออกแบบให้
พูดกับกล้อง สลับกับการถ่ายไปที่วัตถุต่างๆที่ตัวดีไซน์เนอร์
กำลังพูดถึง หรือสิ่งต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นที่
ดีไซน์เนอร์กำลังพูดอยู่
ในหนังเเรื่องนี้นั้นมีการถ่ายทำให้ดูอีกด้วยว่าดีไซน์เนอร์
มีวิธีคิดงานอย่างไร กระบวนการการทำงานของดีไซน์เนอร์
เป็นเช่นไร และมีการชวนให้คิดอีกว่าประสิธิภาพและความเรียบ
ง่าย คือแรงขับดันของดีไซน์เนอร์จริงๆหรือไม่
Objectifiedมีการสัมภาษณ์ถึงดีไซน์เนอร์หลายต่อ
หลายคน มีการถามถึงหลักการออกแบบของดีไซน์เนอร์
ผู้นั้น และยังมีการเชื่อมโยงไปถึงสิ่งที่ดีไซน์เนอร์คนนั้น
ชื่นชอบ หรือยกให้เป็น the best of design ยกตัวอย่าง
เช่น Apple หรือ Muji เป็นต้น
หนังเรื่องนี้มีการผู้เรื่องราวมากมาย เช่น เมื่อสัมภาษณ์
ดีไซน์เนอร์A ดีไซน์เนอร์Aได้พูดถึงการออกแบบเพื่อความ
เหมาะมือคือเรื่องสำคัญ ก็จะมีการเชื่อมต่อไปยังดีไซน์เนอร์
B ซึ่งมีทักษะและเป็นมืออาชีพทางด้านการออกแบบเหล่านั้น
และที่สำคัญ ในช่วงแรกของหนังเรื่องนี้มีการกล่าวถึงดีไซน์เนอร์หลายต่อหลายคน ชื่นชมกันมากมายในด้านการออกแบบ และแนวคิด แต่ช่วงหลังของหนังเรื่องนี้นั้นกลับกล่าวในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ในช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้ ได้กล่าวถึงอาชีพดีไซน์เนอร์อย่างเราๆว่าเป็นผู้เพิ่มปริมาณขยะ ซึ่งก็เป็นข้อคิดให้แก่ผู้ที่ดูได้ แอนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นำเสนออาชีพ1อาชีพในสองด้านไม่ใช่นำมาเสนอเพียงด้านดีด้านเดียว การทำแบบนี้แอนคิดว่าอาจทำให้เหล่าดีไซน์เนอร์ลองย้อนมองดูตัวเอง และถามตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นคือการเพิ่มปริมาณขยะให้แก่โลกหรือไม่ ถ้าใช่คุณคิดจะทำอย่างไรเพื่อลดปริมาณขยะ หรือคุณก็จะยังเป็นแบบเดิม ในขณะที่โลกของเรากำลังรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องโลกร้อนอยู่ทุกวัน?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น